... ...
... ...

Thursday, June 25, 2015



ทุกวันนี้ดูคนไทยพวกเราจะงงๆ ไม่ทราบว่าจะเอาอย่างไรกับชีวิตตัวเอง ดูคนส่วนใหญ่จะรู้สึกเฉยๆ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรอบๆ ตัวเรา ดูเหมือนจะงงๆ อาการชอบกล ไม่เหมือนสมัยก่อน


เรื่องที่ใกล้ตัวที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องทางเศรษฐกิจปากท้อง เรื่องรายได้ของครัวเรือน เมื่อราคาสินค้าเกษตรเกือบทุกตัวต่างก็พากันตกหมด ไม่ว่าจะเป็นราคาข้าว ราคายางพารา ราคาปาล์มน้ำมัน ราคากุ้ง ราคาสินค้าอุตสาหกรรม ต่างก็พากันลดราคาลงหมด พวกเราก็รับทราบด้วยท่าทีงงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าใครเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นในวงสนทนาก็จะได้รับคำถามว่า แล้วจะทำอย่างไรด้วยท่าทีงงๆ
เมื่อมีข่าวว่าการส่งออกของเราตกต่ำลง หดตัวแทนที่จะขยายตัว ทั้งในด้านราคาส่งออกและปริมาณส่งออก เนื่องจากสาเหตุอะไร มีสาเหตุที่เราแก้ไขได้และสาเหตุที่เราแก้ไขไม่ได้ สาเหตุบางอย่างสามารถแก้ไขได้ภายในเวลาอันสั้น บางสาเหตุอาจจะต้องใช้เวลาในการแก้ไข ปฏิกิริยาสนองตอบกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นควรจะเป็นอย่างไร ไม่ชัดเจน

สถานการณ์ทางเศรษฐกิจเท่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ที่ผู้ประกอบการเกือบจะทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจประสบกับปัญหาการขาดทุน ดูจะเป็นสถานการณ์ที่จะซึมลงลึกมากกว่าที่คิด เพราะสถานการณ์ของเศรษฐกิจของโลกอย่างหนึ่งและสถานการณ์ภายในประเทศอันได้แก่ โครงสร้างทางเศรษฐกิจของเราไม่สามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้ เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีปัญหาไปหมด

การลงทุนไม่ว่าจะเป็นเงินทุนของคนไทยเอง หรือเงินทุนของต่างชาติที่มีธุรกรรมเศรษฐกิจอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว ก็ไม่ลงทุนขยายกิจการในประเทศไทย แต่กลับไปลงทุนในประเทศอื่น เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม หรือพม่า เป็นต้น เราก็ยังงงๆ ว่าจะทำอย่างไรดี



ปัญหาระยะสั้นเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ฝนตกล่าช้ากว่าทุกปี ฝนมาตกในกรุงเทพฯแทนที่จะไปตกเหนือเขื่อน ทำให้น้ำในอ่างน้ำเหนือเขื่อนแห้ง กรมชลประทานแจ้งว่าไม่สามารถส่งน้ำมาให้ชาวนาทำการเพาะปลูกข้าวได้ ชาวนาก็ตอบว่า ถ้าไม่ให้ปลูกข้าวแล้วจะให้ทำอะไร ดังนั้นชาวนาจึงไม่ฟัง ปรากฏการณ์แย่งน้ำจึงเกิดขึ้น เราก็งงๆ ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี ทั้งๆ ที่เหตุการณ์เช่นว่านี้ไม่ใช่ไม่เคยเกิดขึ้น แต่เคยเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตามวัฏจักรของดินฟ้าอากาศ


ปัญหาการจัดการบริหารน้ำ ซึ่งเราเคยตื่นตัวและคิดว่าจะปรับโครงสร้างระบบการจัดการบริหารน้ำทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ จนถึงปลายน้ำ เพื่อจะได้ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพฯในอนาคต พร้อมๆ กับป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภาวะฝนแล้ง ที่มีการประชุมหารือจนได้จัดทำออกมาเป็นแผนแม่บท มีการร่างกฎหมายให้อำนาจรัฐบาลออกพันธบัตรกู้ยืมเงิน แต่ในที่สุดก็ล้มเลิกไปด้วยเหตุผลที่ยังงงๆ อยู่เหมือนกันว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่

เคยมีการพูดกันมากซึ่งก็เป็นความจริงว่า อุปสรรคสำคัญของประเทศไทยที่จะก้าวไปข้างหน้าคือโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าหลัง เพราะประเทศไทยได้หยุดการพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ ซึ่งรวมทั้งโครงสร้างพื้นฐานที่เป็นพื้นฐานของการขนส่งทางบก ทางทะเล ทางอากาศ และระบบสารสนเทศ จึงเกิดความคิดที่จะเปลี่ยนโครงสร้างระบบการขนส่งต่างๆ ท่าเรือน้ำลึก การขนส่งระบบราง การขนส่งทางอากาศ เพื่อให้เราตามทันประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาค เช่น จีน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน เกาหลีใต้ ความคิดมี แต่ก็ดูจะงงๆ ว่าจะทำอย่างไรดี จะหาเงินจากที่ไหนมาพัฒนา จะบริหารจัดการอย่างไรเพื่อให้เกิดการลงทุนในกิจการเหล่านี้ ทั้งๆ ที่ประเทศเราสะสมเงินออมโดยไม่ลงทุน หรือลงทุนไม่เพียงพอกับเงินที่ออมมาเป็นเวลา 18 ปีแล้ว ปริมาณเงินมีมากจนจะท่วมระบบ พันธบัตรของรัฐบาลและรัฐวิสาหกิจยังเป็นที่ต้องการของผู้ออม รัฐบาลออกพันธบัตรมาเท่าไหร่ก็ขายได้ภายในเวลาอันสั้น ยอดหนี้สาธารณะเมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติก็ยังต่ำกว่า คือประมาณ 45 เปอร์เซ็นต์

ทำไปทำมาศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การออกกฎหมายเพื่อระดมทุนนอกงบประมาณแผ่นดินเพื่อพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ เช่น โครงสร้างพื้นฐานนั้น ทำไม่ได้ ก็เป็นเรื่องที่ยังงงๆ กันอยู่ว่า แล้วในภายภาคหน้าถ้าเกิดคนไทยหายงงกันแล้ว จะหันกลับมาปฏิรูประบบขนส่งระบบคมนาคมของประเทศเพื่อให้สามารถแข่งขันกับต่างประเทศให้ได้ จะต้องระดมทุนอย่างไร พัฒนาโครงการอย่างไร ทั้งๆ ที่เงินทุนภายในประเทศมีอยู่อย่างเหลือเฟือ

การไปเชื้อเชิญจีนก็ดี ญี่ปุ่นก็ดี เข้ามาลงทุนในระบบรางก็ดี ระบบโครงสร้างพื้นฐานอยางอื่นก็ดี หรือเชิญเอกชนไทยก็ดี เข้ามาลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ระยะเวลาคืนทุนยาว เพราะโครงการเหล่านี้ลงทุนสูงก็จริงแต่มีอายุการใช้งานนานเป็นศตวรรษ ต้องไม่คิดว่าเป็นโครงการที่จะได้กำไร ที่ทำให้เอกชนสามารถกู้เงินจากธนาคารมาลงทุนได้ การเชื้อเชิญต่างประเทศมาลงทุนในช่วงดังกล่าวจึงไม่น่าจะมีผล หรือถ้าจะมีก็คงจะต้องมีเงื่อนไขที่เขาจะเรียกร้อง จนสาธารณชนหรือในทางการเมืองไม่สามารถรับได้ เช่น ผลักให้เป็นภาระของรัฐบาลไทยต้องจ่ายคืนเงินที่เขาลงทุนด้วยเงินต้นที่สูงและอัตราดอกเบี้ยที่แพง ถ้าเราไม่งงจนเกินไปก็คงจะรับเงื่อนไขดังกล่าวไม่ได้

ถ้าไม่งง ก็น่าจะตัดสินใจลงทุนรางคู่ขนาดเดิมที่กว้าง 1 เมตร ให้ทั่วประเทศไทย เพื่อการขนส่งสินค้าไม่ต้องคิดถึงการขนส่งคน นอกจากจะขนส่งคนเป็นบริการให้กับประชาชนที่ยากจนและมีรายได้น้อย เพราะการพัฒนารถไฟรางคู่เพื่อขนส่งสินค้าจะไม่ใช้เงินลงทุนมากเกินไป ไม่มีใครว่าอะไร สามารถทำได้เลย ไม่ควรจะงง ควรทำให้สำเร็จทั่วประเทศให้เร็วกว่านี้ 



เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งที่พวกเราด้วยกันยังงงๆ อยู่ก็คือ ในอนาคตข้างหน้าเราต้องการระบบการเมืองการปกครองอย่างไร ระบบการปกครองแบบรัฐสภาแบบไหนจึงจะถูกใจพวกเรา

แม้ว่าจะมีหลายคนที่พอใจกับระบอบการปกครองแบบเผด็จการทหารอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ แต่ก็ต้องลุ้นระทึกกันไปทุกสัปดาห์ที่จะถูกต่อว่าเรื่องอะไรบ้าง จะถูกสั่งสอนเรื่องอะไรบ้าง จะถูกลูบหลังอย่างไรบ้าง จะถูกเรียกร้องเรื่องอะไรบ้าง จะถูกทวงบุญคุณเรื่องอะไรบ้าง ทุกคนก็ยังงงๆ กันอยู่ว่าพวกเราประชาชนกลายเป็นจำเลยของรัฐบาลไปตั้งแต่เมื่อใด งงๆ กันไป

เมื่อรัฐบาลและคณะรัฐประหารยืนยันว่าจะเดินตามโรดแมปหรือแผนการปฏิรูปการเมือง จะมีการเลือกตั้งทั่วไปภายใน 1 ปีของอายุรัฐบาล คือประมาณเดือนสิงหาคม ปี 2559 ก็ยังงงๆ กันอยู่ว่าจะทำได้อย่างไร เพราะ สปช.ก็กำลังจะลงมติคว่ำรัฐธรรมนูญ จะต้องมีการตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติชุดใหม่ จะเรียกชื่อว่าอะไรก็ยังงงๆ กันอยู่ ไม่มีอะไรชัดเจน

แม้ว่ารัฐบาลทหารชุดนี้ไม่ต้องการที่จะยืดอายุของตนออกไปให้ยืดยาวกว่าที่เคยกำหนดไว้ในโรดแมป แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะรีบดำเนินการในเรื่องต่างๆ ทุกเรื่อง เพื่อให้สามารถคืนอำนาจอธิปไตยให้กับปวงชนชาวไทยได้ภายในกรอบเวลาที่ยังไม่กำหนดชัดเจน อาจจะเป็นเพราะว่ายังงงๆ อยู่ว่าจะทำอย่างไร จะคงรูปแบบของรัฐบาลทหารไว้ได้โดยมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาอย่างไร จะให้ผลของการเลือกตั้งออกมาไม่เหมือนเดิมได้อย่างไร ดูยังงงๆ กันอยู่ คงยังคิดไม่ออก

ทุกอย่างสงบ เงียบอย่างงงๆ เพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี


++++++++++++++++++++++
(ที่มา:มติชนรายวัน 25 มิ.ย. 2558)


0 comments:

Post a Comment

Twitter Delicious Facebook Digg Favorites More