ยอดวิวพุ่ง 18 ล้าน! คลิปหนุ่มอินเดีย กระแทกใจคนต่อรองราคาสินค้า

โลกออนไลน์แห่แชร์คลิปวิดีโอรณรงค์ เรื่องมนุษยธรรม โดยจำลองสถานการณ์ พ่อค้าริมถนน กำลังถกเถียงกับลูกค้าที่ไม่พอใจในราคาน้ำมะพร้าว แต่กลับเลือกที่จะซื้อสินค้าราคาแพงกว่าจากผู้ค้ารายใหญ่...

เฟซบุ๊ก Varun Pruthi ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอ จำลองเหตุการณ์ในประเทศอินเดีย ขณะที่พ่อค้ากำลังขายมะพร้าวอยู่ริมถนน ได้มีลูกค้าเข้ามาสอบถามราคา ซึ่งน้ำมะพร้าวลูกหนึ่ง มีราคา 30 รูปี หรือประมาณ 15 บาท แต่ลูกค้าไม่พอใจ บอกว่า นี่มันปล้นกันชัดๆ ก่อนต่อราคาลงเหลือ 15 รูปี หรือประมาณ 7 บาท พ่อค้าจึงได้อธิบายว่า ตนยืนตากแดดขายของมาตั้งแต่เช้า และยังมีภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องใช้หาเลี้ยงครอบครัว ซึ่งต้นทุนต่อลูกก็มากกว่า 15 รูปี แล้ว ทำให้ลูกค้าไม่พอใจถึงขั้นสบถเป็นคำหยาบคาย ก่อนจะปลีกตัวออกไป พอเวลาผ่านมาได้ 20 นาที ลูกค้าคนเดิมก็เดิมกลับมา พร้อมขวดน้ำอัดลม พ่อค้าเห็นจึงเข้าไปถามถึงราคาน้ำนั้น ซึ่งมีราคา 35 รูปี หรือประมาณ 18 บาท พ่อค้าจึงถามต่อว่า ได้มีการต่อรองราคาสิ้นค้านี้หรือไม่ ซึ่งลูกค้าตอบว่า จะมีการต่อราคาของจากบริษัทใหญ่ได้อย่างไร พ่อค้าได้ยินดังนั้น จึงตอบกลับไปว่า พวกคุณซื้อของจากพ่อค้ารายใหญ่ที่ร่ำรวยได้ โดยไม่มีการต่อรองราคาแม้แต่รูปีเดียว แต่กลับต่อรองราคาจากพ่อค้าจนๆได้ถึง 15 รูปี

ตั้งแต่คลิปวิดีโอนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไปเมื่อวันที่ 23 พ.ค. ผ่านมาครบ1 เดือน ก็มีผู้เข้าชมแล้วกว่า 18 ล้านครั้ง แชร์อีกกว่า 750,000 ครั้ง และมีสมาชิกเฟซบุ๊กเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่างๆนานา ว่าคลิปวิดีโอนี้สร้างความประทับใจต่อพวกเขาอย่างมาก บางคนบอกว่า เขาไม่ต่อราคาจากพ่อค้าริมทางอีกเลย แต่ก็มีสมาชิกบางคนเข้ามาแสดงความเห็นว่า ปกติแล้ว ในประเทศอินเดีย จะมีการบอก MRP (Maximum Retail Price) ติดไว้ที่ฉลากของสินค้า เพื่อเป็นการกำหนดราคาขายปลีกให้ลูกค้าได้ทราบ แต่น้ำมะพร้าวนั้น พ่อค้าเป็นคนกำหนดราคาเอง ซึ่งตนก็ยินดีจะซื้อสินค้าบางประเภทที่แพงกว่า แต่มีการกำหนดราคาตามมาตรฐาน

สำหรับ Varun Pruthi นักแสดงในคลิปวิดีโอ และผู้อัปโหลดคลิปดังกล่าว เป็นนักเต้นและนักแสดง เกิดที่ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย จุดเริ่มต้นในการทำคลิปวิดีโอ เกิดจากการที่เขาได้ลองทดสอบจิตใต้สำนึกของผู้คนในอินเดีย โดยคลิปวิดีโอที่ทำขึ้นครั้งแรก เป็นเหตุการณ์จำลองสถานการณ์ผู้ได้รับบาดเจ็บ ร้องขอความช่วยเหลือบริเวณถนน ซึ่งทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก เพราะไม่มีใครจอดรถเพื่อช่วยเหลือ แม้กระทั่งผู้คนที่เดินผ่าน ก็ไม่มีใครเข้ามาเสนอความช่วยเหลือทั้งสิ้น

------------------------------------------------------
ที่มา:http://www.thairath.co.th/content/507463

Posted in World News