... ...
... ...

Friday, July 3, 2015

"บีพี" ยักษ์ใหญ่ปิโตรเลียมยอมจ่ายค่าปรับด้านสิ่งแวดล้อมมากสุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ

จากรายงานของเดอะการ์เดียน "บีพี" หรือ "บริติช ปิโตรเลียม" ในอดีต บริษัทข้ามชาติที่ลงทุนในด้านปิโตรเลียมซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ยอมจ่ายค่าปรับด้านสิ่งแวดล้อมเป็นมูลค่ากว่า 1.87 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  (ราว 6.2 แสนล้านบาท) เพื่อสิ้นสุดการฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายโดยรัฐบาลกลางสหรัฐฯ และรัฐอื่นๆ จากเหตุน้ำมันรั่วไหลในอ่าวเม็กซิโก เมื่อปี 2010

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ร่วมกับรัฐลุยเซียนา, มิสซิสซิปปี, แอละแบมา, เท็กซัส และฟลอริดา ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายเพิ่มเติม ซึ่งการจ่ายค่าเสียหายครั้งก่อนๆ ของบีพีมิได้ครอบคลุม หลังกลุ่มธุรกิจและประชาชนได้รับผลกระทบที่ร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์จากเหตุน้ำมันรั่วไหลนอกชายฝั่ง

การจ่ายค่าเสียหายครั้งนี้จะเป็นการยุติการดำเนินคดีทั้งหมดต่อบีพีซึ่งรัฐต่างๆและรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ยินยอมให้บีพี ผ่อนจ่ายค่าเสียหายได้เป็นระยะเวลา 18 ปี ทำให้หุ้นของบีพีพุ่งขึ้นทันทีเมื่อนักลงทุนได้ทราบข่าว

เดือนกันยายนปีที่แล้ว ผู้พิพากษาคาร์ล บาร์เบีย ซึ่งทำหน้าที่พิจารณาคดีครั้งนี้ ได้ตัดสินว่า บีพี "ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง" ในการจัดการบ่อน้ำมัน ซึ่งคำตัดสินดังกล่าวทำให้บีพีต้องจ่ายค่าเสียหายสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้

อย่างไรก็ดี ยอดค่าปรับที่ศาลยังไม่ได้ให้การรับรองนั้นนักกิจกรรมจำนวนหนึ่งมองว่ายังเป็นจำนวนที่น้อยเกินไป และกล่าวว่า หากศาลให้การรับรองจะทำให้บีพีสามารถหลุดรอดจากการกระทำผิดของตนไปได้อย่างง่ายดาย และประชาชนจะไม่ได้รับการชดเชยจากความเสียหายเท่ากับที่พวกเขาได้รับผลกระทบ

การระเบิดของแท่นขุดเจาะน้ำมันของบีพีในปี 2010ทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย และทำให้น้ำมันดิบกว่า 4.2 ล้านบาร์เรล รั่วไหลสู่อ่าวเม็กซิโกเป็นเวลานาน 87 วัน ทั้งนี้จากข้อมูลของรัฐบาลสหรัฐฯ แต่บีพี อ้างว่าตัวเลขดังกล่าวสูงเกินจริง ซึ่งสุดท้ายผู้พิพากษาบาร์เบียได้สั่งให้บีพีต้องรับผิดให้การรั่วไหลของน้ำมัน 3.1 ล้านบาร์เรล ซึ่งกระทบต่อชายฝั่งของอ่าวเม็กซิโกตั้งแต่ลุยเซียนาไปจนถึงฟลอริดา ขณะที่ผลกระทบต่อแหล่งอาหารทะเล และสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการประเมิน

*******************
ที่มาhttp://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1435900078


0 comments:

Post a Comment

Twitter Delicious Facebook Digg Favorites More